การออกแบบ Software ทั้งหมด 7 ขั้นตอน แต่รวมๆแล้วจะมีทั้งหมด 5 ขั้นตอนดังนี้
**รูปนี้จะเป็นการจัดเรียงแบบ Waterfall Model ซึ่งจะมีเพียง Stage บนลงล่างเท่านั้น**
Waterfall Model คืออะไร
- Waterfall Model คือรูปแบบการจัดการผลิต Software รูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะเหมือนน้ำตกที่ไหลจากบนลงล่างเท่านั้น โดย Model ชนิดนี้จะมีการทำงานแบบทำให้เสร็จสิ้นทีละ Stage แบบ 100 % จากนั้นค่อยเริ่มทำ Stage ถัดไป
ทำไมถึงมีการจำลองแบบ Waterfall Model ล่ะ
- เพราะการจัดการเป็นไปได้ง่ายมากเพียงแค่ทำทีละขั้นตอนให้เสร็จเท่านั้นแล้วจึงทำขั้นตอนถัดไป
ดูง่ายดีนะแล้วเป็นที่นิยมไหม
- เป็นที่นิยมสำหรับงานเล็กๆเท่านั้น ในส่วนเหตุผลหลักๆจะสรุปไว้ในข้อดีและข้อเสีย
ทำไมต้องเป็น Waterfall Model
- เพราะ ทำง่ายๆทีละขั้นตอน / ตรวจสอบแต่ละขั้นตอนได้ / กำหนดทรัพยากรต่างๆได้ดี
การทำงานของ Waterfall Model
- Waterfall Model เป็นอะไรที่เรียบง่ายซึ่งเริ่มจากการ
- Requirement – รู้ถึงความต้องการของลูกค้า / ระบบ เพื่อกำหนดแผนงาน
- Design – เป็นการออกแบบกำหนดแผนการทำงานและทรัพยากรต่างๆ
- Implementation – การลงมือทำภาคสนามของงานชิ้นนั้น (Coding)
- Verification – การตรวจสอบ ทดสอบ ชิ้นงาน
- Maintenance – การปรับปรุง แก้ไข Update ผลงานหลังจากปล่อยขายไปเรียบร้อยแล้ว
- จากแผนการทำงานข้างต้นเมื่อทำเสร็จไปทีละ Stage แล้วจะไม่มีการแก้ไขใดๆอีก
*น้ำตกก็ไหลจากบนลงล่างทำให้เกิดชื่อของ Model นี้*
ข้อดี
- สามารถควบคุมและตรวจสอบแต่ละ Stage ได้เป็นอย่างดี
- สามารถกำหนดระยะเวลาของแต่ละ Stage ได้
- เหมาะกับงานขนาดเล็กที่ไม่ซับซ้อนมาก
ข้อเสีย
- ถ้าผ่าน Stage นั้นไปแล้วแต่มาพบข้อผิดพลาดทำให้ต้องกลับไปแก้ไขใหม่
- ในกรณีที่ลูกค้าเปลี่ยน Requirement(ความต้องการ)จะต้องกลับไปแก้ใหม่ตั้งแต่ต้นเพราะเป็นStageที่อยู่บนสุด
- ไม่ยืดหยุ่นในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สรุป
- เมื่อมีการพบข้อเสียที่ใหญ๋มากของ Waterfall Model ซึ่งเกิดจากความไม่ยืดหยุ่นทำให้เกิด Model ใหม่ตามมาคือ Modified Waterfall model หรือ Adapted Waterfall Model ที่สามารถกลับไปแก้ไขได้
*อธิบาย Waterfall Model ภายใน 3 นาที*
https://drive.google.com/file/d/1VHub_th3PHhUKEJbCshRVgVJm8xH9nD3/view?usp=sharing