ENGINEERING DRAWING (งานง่าย) BY. SUPPHALUK
รูปภาพขั้นตอนการทำภาพฉายและภาพไอโซเมทริก
สวัสดีคะก่อนอื่นเรามาแนะนำตัวกันก่อนนะคะ
ดิฉันชื่อ : นางสาวศุภลักษณ์ จันทร์เสียงเย็น
รหัสนักศึกษา : 1590901797
ชื่อเล่น : แนน
อายุ : 19 ปี
เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1
คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอิเล็กทรอนิกส์
มหาวิทยาลัยกรุงเทพวิทยาเขตรังสิต
ภาคเรียนที่ 1 / 2559
NAME : SUPPHALUK JUNSAINGYEN
STUDENT’S ID NUMBER : 1590901797
NICKNAME : NAN
I’M 19 YEARS OLD
SOFTWARE ENGINEERING
OF ELECTRONIC ENGINEERING
SCHOOL OF ENGINEERING
BANGKOK UNIVERSITY
1 / 2016
คะสวัสดีคะวันนี้ก็จะมาแนะนำนำเสนอเรื่องการทำโปรเจคเกี่ยวกับการเขียนแบบเชิงวิศวกรรมศาสตร์เป็นในรูปแบบเครื่องจักรกลนะคะจะมาแนะนำทางในการทำและรวมไปถึงการใช้โปรแกรมที่ทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้นไปด้วยคะเรามาเริ่มที่ข้อเเรกกันเลยนะคะไปเลยยย…..
ขั้นตอนแรกนะคะ
1.ชื่อของบทความ และทำภาพหน้าปกของบทความ
รถสำหรับบรรทุกของใช้ในเชิงงานอุตสาหกรรม
2. หลักการทำงานของเครื่องจักรกลที่สร้างขึ้น
เราจะมาเรียนรู้หลักการทำงานของเครื่องจักรกลกันนะคะ
เราจะมาพูดถึงในลักษณะการเกรินก่อนนะคะเกี่ยวกับเครื่องจักรกลเราเป็นเครื่องจักรกลพื้นฐาน เนื่องจากงานก่อสร้างทุกประเภทจะเกี่ยวข้องกับงานดินทั้งสิ้น เช่น งานก่อสร้างอาคาร งานถนน งานเขื่อน งานวางท่อ งานอุโมงค์ งานสะพาน งานสนามกีฬา งานชลประทาน ตลอดจนงานบุกเบิกป่าเป็นต้น
เครื่องจักรกลในงานถนน เครื่องจักรกลที่ใช้ในงานดินทั่วไป
มี 4 ประเภท
1.รถแทรกเตอร์ (Tractor)
2.รถตัก (Loader)
3.เครื่องจักรกลสำหรับขุดดิน (Excavating equipment)
4.รถบรรทุก (Truck)
ได้แบ่งเป็น 4 ชนิด
1.รถขูดอุ้มดิน
2.รถเกรด
3.รถบด
4.เครื่องกลในงานปูพื้นผิวจราจรด้วยแอสฟัลต์
รถบรรทุกหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า รถดั้ม ใช้ประโยชน์ในการบรรทุกวัสดุสิ่งของต่าง ๆ เช่นดิน หิน ทราย
สรุปเครื่องจักรกลที่ใช้งานดิน
-รถแทรกเตอร์
-รถตัก
-เครื่องจักรกลสำหรับขุดดิน
-รถบรรทุก
สรุปเครื่องจักรที่ใช้ในงานถนน
-รถบูลโดเซอร์
-รถตัก
-รถบรรทุก
-รถบดอัดสั่นสะเทือน
-รถบดล้อยาง
-รถน้ำ
-รถรีดยาง
-รถบดล้อยาง
-รถบรรทุกแอสฟัลต์ผสมร้อน
-รถพ่นยาง
สำหรับเครื่องจักรกลที่เลือกมานั้นคือรถบรรทุกนะคะดังนั้นเรามาดูหลักการทำงานของรถบรรทุกกันเลยคะ
เครื่องจักรกลที่ใช้ในงานดินเป็นเครื่องจักรกลพื้นฐาน ที่จะนำไปใช้งานก่อสร้างอื่น ๆ เช่น เครื่องจักรกลสำหรับงานขุดดิน, เครื่องจักรกลสำหรับบดดิน, บางชนิดสามารถนำไปใช้ในงานถนนได้อีกด้วย
เป็นยานพาหนะก่อสร้างขั้นพื้นฐาน เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองใช้กับงานปรับพื้นที่ดันดิน
-การเคลื่อนย้ายไม่สะดวกถ้านำไปใช้งานไกล ๆ ควรบรรทุกไปบนรถบรรทุกจะสะดวกและประหยัดกว่าที่จะขับเคลื่อนไปด้วยตัวมันเอง
– ยุ่งยากต่อการบำรุงรักษาและต้องเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ
ลักษณะของเครื่องจักรกล
1.แบบเหยียดตรง เป็นใบมีดที่มีความแข็งแรง ขนาดเล็กกว่าใบมีดทั่วไปเหมาะกับงานบุกเบิก
2.แบบทั่วไปใช้กับงานเคลื่อนย้ายวัสดุ เช่น ดิน หิน ทราย ขนย้าย ได้ครั้งละมาก ๆ และไกลกว่าแบบเหยียดตรง
3.แบบเหลี่ยม ใช้ในงานเช่นเดียวกับแบบเหยียดตรงแต่จะเหมาะกับงานกลบหลุม กลบท้องร่อง กลบคูคลอง หรือดันดินตามไหล่เขา
4.แบบรองรับน้ำหนัก ใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับลากจูงเครื่องมือชนิดอื่น ๆ โดยมีการสั่นสะเทือนหรือระบบป้องกันการสึกหรอ
เป็นเครื่องจักรกลพื้นฐาน เนื่องจากงานก่อสร้างทุกประเภทจะเกี่ยวข้องกับงานดินทั้งสิ้น เช่น งานก่อสร้างอาคาร งานถนน งานเขื่อน งานวางท่อ งานอุโมงค์ งานสะพาน งานสนามกีฬา งานชลประทาน ตลอดจนงานบุกเบิกป่าเป็นต้น
การเลือกยางในและยางนอกของรถ
รถบรรทุก หมายถึง รถที่ใช้บรรทุกสิ่งของ มีหลายขนาด ซึ่งปรกติมีขนาด กำลัง และสัณฐานมาก โดยเฉพาะบรรดาที่ใช้เพื่อการค้า ทั้งอาจประกอบด้วยอุปกรณ์พิเศษด้วย เช่น รถประจญเพลิง และรถโม่คอนกรีต ปัจจุบัน รถบรรทุกส่วนใหญ่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแกโซลีนหรือดีเซล
รถบรรทุกคันแรกของโลกได้ผลิตขึ้นโดย Gottlieb Daimler ในปี 1896 โครงสร้างเป็นเหล็ก ล้อทำด้วยไม้ ใช้เครื่องยนต์แบบสองสูบ ขนาดความจุ 1.06 ลิตร ในปีต่อมาก็ได้ทำการติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยสายพาน พร้อมกับติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ การพัฒนารถบรรทุกเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในปี 1898 ได้มีการนำรถบรรทุกไปจัดแสดงที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสและได้รับความสนใจอย่างสูง
ในปัจจุบันรถบรรทุกได้พัฒนาการไปมากตั้งแต่รถบรรทุกขนาดเล็กไปจนถึงรถหัวลาก รวมทั้งรถเอนกประสงค์
รถบรรทุก (Truck) และรถโดยสาร (Bus) มีขั้นตอนการผลิตในเริ่มแรกเหมือนกัน คือเริ่ม จากการประกอบ Chassis เครื่องยนตและชุดบังคับเขาดวยกัน แลวจะแยกประเภทการ เปนรถบรรทุกหรือรถโดยสารโดยตัวถังที่นํามาครอบ Chassis ดังกลาดังนั้นในที่นี้จะเรียกการผลิต รถบรรทุกและรถโดยสารโดยรวมวาอุตสาหกรรมรถบรรทุก
อุตสาหกรรมรถบรรทุกของประเทศไทยสามารถแบงไดเปน 2 ประเภท 1.อุตสาหกรรม ประกอบรถบรรทุก
2.อุตสาหกรรมตอตัวถังหรือดัดแปลงรถบรรทุก
เบรกรถบรรทุก
เป็นระบบเบรกที่ออกแบบให้เป็นดรัมเบรก (Drum Brake) ทั้งนี้เนื่องจากดรัมเบรกมีข้อดีในการใช้งาน คือ พื้นที่หน้าสัมผัสการเบรกมีมาก โครงสร้างมีความแข็งแรงดังนั้นเมื่อนำไปติดตั้งกับรถบรรทุกจึงสามารถทำให้การชะลอความเร็วหรือการหยุดรถได้เป็นอย่างดีแต่เนื่องจากรถบรรทุกถูกออกแบบเพื่อใช้ในการบรรทุกน้ำหนักซึ่งแตกต่างจากรถยนต์นั่งทั่วไประบบเบรกจึงจำเป็นต้องออกแบบให้มีความแข็งแรง เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของรถบรรทุกนอกจากนี้การควบคุมใช้งานจะต้องสามารถทำได้รวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพสูงสุดเบรกรถบรรทุกปัจจุบันออกแบบวิธีการควบคุมการทำงานเป็นหลายแบบดังนี้
- เบรกสุญญากาศช่วย (Vacuum Assisted)
- เบรกลมดันช่วย (Air Master)
- เบรกลม (Full Air Brake)
รถบรรทุกปัจจุบันมีหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบจะออกแบบให้ใช้ระบบเบรกที่แตกต่างกันทั้งนี้เพื่อให้การเบรกที่ล้อมีประสิทธิภาพสูงสุด โครงสร้างของเบรกรถบรรทุกจำแนกตามระบบการควบคุมดังนี้
1. โครงสร้างเบรกแบบสุญญากาศช่วย (Vacuum Assisted) เบรกแบบสุญญากาศช่วย
เป็นระบบเบรกที่ออกแบบเพื่อใช้งานกับรถบรรทุกขนาดเล็ก ลักษณะของเบรกแบบสุญญากาศช่วยออกแบบให้มีแม่ปั๊มเบรก 2 ตัว คือ แม่ปั๊มเบรกตัวที่ 1 ติดตั้งกับขาเหยียบเบรก และแม่ปั๊มเบรกตัวที่ 2 ติดตั้งกับหม้อลมสุญญากาศซึ่งอยู่ห่างออกไปจากขาเหยียบเบรก หม้อลมสุญญากาศได้รับแรงดูดจากปั๊มสุญญากาศซึ่งขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ การควบคุมระบบเบรกทำได้โดยการเหยียบขาเบรกแรงดันน้ำมันที่สร้างขึ้นโดยแม่ปั๊มเบรกตัวที่ 1 จะส่งแรงดันน้ำมันไปยังแม่ปั๊มเบรกตัวที่ 2เพื่อเพิ่มแรงเบรกด้วยผลต่างระหว่างความดันอากาศกับสุญญากาศ โครงสร้างของเบรกแบบสุญญากาศช่วย
โครงสร้างเบรกสุญญากาศช่วย
หม้อสุญญากาศ (Master Vacuum) เป็นอุปกรณ์เพิ่มแรงเบรกให้เบรกมีประสิทธิภาพสูงขึ้นหม้อสุญญากาศทำงานโดยอาศัยความแตกต่างระหว่างความดันบรรยากาศกับสุญญากาศสุญญากาศที่นำมาใช้เพื่อสร้างความแตกต่างภายในหม้อสุญญากาศต่อมาจากปั๊มสุญญากาศ ภายในหม้อสุญญากาศออกแบ่งเป็นห้องความดันคงที่ และห้องความดันแปรผัน ซึ่งทั้งสองห้องนี้จะมีแผ่นไดอะแฟรมกั้นเพื่อป้องกันการรั่วของอากาศและสุญญากาศ โดยมีวาล์วเป็นตัวควบคุมอากาศและวาล์วสุญญากาศในตำแหน่งที่เหยียบเบรกและปล่อยเบรก แม่ปั๊มเบรกที่ติดตั้งอยู่ส่วนหน้าของหม้อสุญญากาศจะได้รับแรงจากหม้อสุญญากาศโดยตรง ทำให้การเบรกไม่ต้องออกแรงมากโครงสร้างของหม้อสุญญากาศ
โครงสร้างเบรกลมดันช่วย (Air Master) เบรกลมดันช่วยเป็นระบบเบรกที่ใช้
แรงดันลมอัดดันแผ่นไดอะแฟรมในหม้อลมเบรกเพื่อให้แม่ปั๊มเบรกสร้างแรงดันน้ำมันเบรกจ่ายไปยังกระบอกเบรกที่ล้อ เบรกลมดันช่วยแยกส่วนประกอบของเบรกออกเป็น 2 ระบบคือ ระบบสร้างแรงดันลม และระบบสร้างแรงดันน้ำมันเบรก ส่วนประกอบของชิ้นส่วนทั้งหมดจะต้องทำงานสัมพันธ์กันเพื่อให้การเบรกมีประสิทธิภาพสูงสุด เบรกลมดันช่วยจำแนกตามหลักการทำงาน
ออกเป็น 2 แบบดังนี้
2.1 แบบน้ำมันเปิดลมดันน้ำมัน (Air Servo) ระบบเบรกแบบนี้ออกแบบให้มี แม่ปั๊มเบรกจำนวน 2 ตัว แม่ปั๊มเบรกตัวที่ 1 ติดตั้งกับแป้นเหยียบเบรก ทำหน้าที่สร้างแรงดันน้ำมันเบรกไปควบคุมกลไกของวาล์วที่ติดตั้งอยู่ภายในหม้อลมเบรกและแม่ปั๊มเบรกตัวที่ 2 เพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้เมื่อทำการเหยียบเบรก แม่ปั๊มเบรกตัวที่ 2 เป็นตัวที่สร้างแรงดันน้ำมันเบรกเพื่อจ่ายไปยังกระบอกเบรกที่ล้อ แม่ปั๊มเบรกตัวนี้จะยึดติดกับหม้อลมเบรก โครงสร้างของเบรกแบบน้ำมันเปิดลมดันน้ำมัน
2.2 โครงสร้างเบรกลมดันน้ำมันโดยตรง (Air Over Hydraulic) เบรกชนิดนี้
ออกแบบเพื่อใช้งานกับรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ หม้อลมเบรกและแม่ปั๊มเบรกที่ใช้งานในระบบเบรกแบบลมดันน้ำมันโดยตรงมีจำนวน 2 ชุด ซึ่งแม่ปั๊มเบรกแต่ละตัวจะทำหน้าที่ควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกแยกเป็นล้อหน้าและล้อหลัง หลักการทำงานของเบรกลมดันน้ำมันโดยตรงใช้แรงดันลมที่ควบคุมผ่านลิ้นเหยียบเบรกดันแผ่นไดอะแฟรมที่อยู่ในหม้อลมเบรกให้เลื่อนไปข้างหน้าเพื่อดันลูกสูบในแม่ปั๊มเบรกให้สร้างแรงดันน้ำมันจ่ายไปยังล้อ ประสิทธิภาพการเบรกของเบรกลมดันน้ำมันโดยตรงจะสูงกว่าเบรกแบบน้ำเปิดลมดันน้ำมัน ทั้งนี้เนื่องจากวิธีการควบคุมการทำงานของหม้อลมเบรกนั้นเป็นการควบคุมให้ลมจากถังลมดันน้ำมันโดยตรง โครงสร้างเบรกลมดันน้ำมันโดยตรง
3. ประโยชน์ที่มนุษย์จะได้จากเครื่องจักรกลนี้
เราก็จะมาแนะนำการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรกลที่เลือกนะคะ
1 .อัตตราการน้ำมัน
2. ความทนทาน
3. การบรรทุกกระบะแรงม้ามากกว่า
4. อำนวยความสะดวกการใช้งานของการก่อสร้างสิ่งต่างๆ
5. ช่วยเบาแรงคนในการทำโดยใช้เครื่องยนต์แทน
6. รถกระบะบรรทุกดัมพ์ 6 ล้อ HINO ใช้บรรทุกวัสดุที่มีน้ำหนักมาก และต้องการความสะดวกรวดเร็วในการถ่ายเทสิ่งของหรือส่งของ
4. อัพ VDO ขั้นตอนการทำเข้า YouTube ของตัวเอง แล้วนำมาใส่ในบทความ
สำหรับวิธีเข้าติดตามหรือดูการรายงานการทำในแต่ละส่วนนะคะให้เพื่อนเข้าไปที่ youtube
หลังจากนั้นพิมคำว่า ENGINEERING DRAWING (งานง่าย) BY. SUPPHALUK
ซึ่งเป็นชื่อของตัวผู้สร้างคะสามารถกดติดตามได้นะคะภายในนั้นก็จะมีบทความของ CALCULUS I และเรื่องSOFTWARE ENGINEERING เพื่อนๆสามารถเลือกดูได้เลยคะ
1.https://youtu.be/wVQeoAeYCDQ
นี้ก็คือเว็บไซต์ที่จะนำเข้าหาใน YOU TUBE เพียงเเค่พิมพ์เข้าไปเพื่อนๆก็จะเจอเลยนะคะ
5. ใส่รูปแบบ Isometric และ Orthographic เขียนอธิบายขั้นตอนการสร้างเครื่องจักรกลนี้ พร้อมรูปหน้าโปรแกรมขณะทำการสร้าง
1. รูปหน้าโปรแกรมที่ทำการสร้าง
2. รูปไอโซเมทริก
คำอธิบายขั้นตอนการสร้าง
ภาพฉาย หมายถึง ภาพที่มองจากชิ้นงานจริงฉายไปปรากฏรูปทรงบนระนาบรับภาพ โดยทั่วไปในการเขียนแบบชิ้นส่วนใด ๆ ถ้าจะให้มองเห็นได้ชัดเจนและดูเหมือนจริงนั้นสามารถเขียนได้ด้วยภาพ 3 มิติ ซึ่งแสดงเพียงภาพเดียวก็สามารถมองได้ชัดเจนทั้งสามารถกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ได้และนำไปทำการผลิตได้ด้วย แต่การเขียนภาพ 3 มิติ นั้นกระทำได้ยากต้องใช้เวลาในการเขียนแบบงานต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยหลายอย่าง จึงไม่เหมาะสมที่จะนำวิธีการนี้มาเขียนแบบเพื่อสั่งงานผลิต เพราะจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ภาพ 3 มิติ เหมาะสำหรับแสดงรูปร่างและการประกอบกันอยู่ของชิ้นงานในคราวที่จำเป็นมากกว่าการที่จะเขียนงานให้ง่ายและรวดเร็วขึ้นสามารถเขียนได้โดยวิธีการมองภาพทีละด้านและนำเอาแต่ละด้านมาเขียนลงบนกระดาษให้สัมพันธ์กัน จะทำให้การเขียนลงบนกระดาษให้สัมพันธ์กันจะทำให้การเขียน ,การแสดงอัตราส่วน ,การแสดงขนาด ,การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยและสะดวกยิ่งขึ้น
1. วาดภาพแบบออโทกราฟฟิกภาพฉาย
2. วาดภาพฉายจากส่วนที่1 คือ ทอปวิว ส่วนที่2 คือด้านข้าง
ส่วนที่3คือด้านบน ในแต่ละด้านโดยจะวาดทั้งหมด 3 มุม และทำการ กำหนดค่าตามที่เราต้องการโดยการทำตามคำสั่งของโปรแกรมที่เราใช้
3. ทำการวาดภาพแบบไอโซเมทริกคือภาพที่มำมุม 30 องศา
4. นำรูปภาพที่สร้างเสร็จมารวมกันให้อยู่ในหน้าเดียวกัน
และทำการกำหนดค่าต่างๆที่ต้องทำตามความต้องการของเรา
5. ในที่นี้จะเอาเป็นรูปแบบง่ายโดยจะใช้จำพวกเบสิกในการสร้างและมี การนำคำสั่งที่ยากมาใช้ปะปนบ้างเล็กน้อย
6. แนบไฟล์ .dwg และ .pdf (Link Google Drive) ของภาพ Isometric และ Orthographic ในบทความ
1. รวม
2. Drawing1.dwgไอโซ
3. PJ.1
แนะนำการใช้ส่วนต่างๆของโปรแกรม
การใช้โดตในการทำออโต้แคท
หวังเป็นอย่างยิ่งนะคะว่าจะนำไปเป็นประโยชน์ในการสร้างไม่มากก็น้อยหาก เกิดข้อผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ในที่นี้ด้วยนะคะ
ฝากกดติดตามตามลิงค์ด้านล้างนี้ด้วยนะคะขอบคุณคะ
ENGINEERING DRAWING (งานง่าย) BY. SUPPHALUK
ศุภลักษณ์ จัยทร์เสียงเย็น
นางสาวศุภลักษณ์ จันทร์เสียงเย็น 1590901797
คณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาอิเล็กทรอนิก
มหาวิทยาลัยกรุงเทพวิทยาเขตรังสิต