ระบบจำลองกระบวนการทำงาน Waterfall



Waterfall Model

เป็นแบบจำลองกระบวนการพัฒนาระบบในรูปแบบน้ำตก เป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันในอดีต มีหลักการเสมือนกับน้ำตกซึ่งไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ในแต่ละขั้นตอนไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขขั้นตอนที่แล้วได้ เหมาะสำหรับระบบที่มีการจัดการที่แน่นอน และในปัจจุบันมีขั้นตอนการทำงานสามารถที่จะวนหรือย้อนกลับไปแก้ไขได้ หรือที่เรียกว่า Adapted Waterfall

 

เปรียบเทียบรูปแบบการทำงานของ Waterfall และ Adapted Waterfall

รูปแบบกระบวนการทำงานแบบ Waterfall

รูปแบบกระบวนการทำงานแบบ Adapted Waterfall

ขั้นตอนการทำงานของ Waterfall

ขั้นตอนการทำงาน อาจจะมี 5-6 ขั้นตอน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามขอบเขตของการทำงาน โดยมีตัวอย่างขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นตอนของการวางแผนการทำงาน

  • ระบุหัวข้อในการทำงาน หรือความต้องการของผู้ใช้
  • ระบุผู้ที่รับผิดชอบงาน
  • ระบุระยะเวลาในการดำเนินงาน

ขั้นตอนที่ 2 เป็นขั้นตอนของการออกแบบงาน

  • ทำการออกแบบในส่วนที่ได้รับมอบหมาย

ขั้นตอนที่ 3 เป็นขั้นตอนการพัฒนาระบบ

  • นำงานที่เราออกแบบไว้ในแต่ละส่วน มาทำเป็นตัวชิ้นงาน
  • เชื่อมต่องานในแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน

ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นตอนการทดสอบระบบ

  • นำงานที่เราพัฒนาแล้วมาทดสอบ
  • บันทึกการทดสอบในแต่ละครั้ง
  • ตรวจสอบความผิดพลาด

ขั้นตอนที่ 5 เป็นขั้นตอนการนำไปใช้

  • ส่งมอบให้กับผู้ใช้



ข้อดีของ Waterfall Model

-คือมีการสร้างเอกสารในทุกๆ ขั้นตอนหรือทุกระยะ

-ดำเนินงานที่ละขั้นตอน สามารถตรวจสอบได้ง่าย

-ขอบเขตงานชัดเจน

-เหมาะกับระบบขนาดเล็ก ไม่ซับซ้อน

 

ข้อเสียของ Waterfall Model

-ผู้ใช้ได้เห็นระบบเมื่อผ่านขั้นตอนการพัฒนาไปแล้ว ทำให้กลับมาแก้ไขได้ยาก

– ไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้

-ต้องมีการวางแผนที่ดี

 

***เนื่องจากการทำงานแบบ Waterfall เมื่อมีข้อผิดพลาดในส่วนใดส่วนหนึ่ง จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้  เราสามารถนำวีธีการ Adapted Waterfall มาประยุกต์ใช้เพื่อให้ระบบของเราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสร็จสมบูรณ์

ศึกษาความแตกต่างของการใช้ Waterfall Model กับ Agile Model



WararatTaemngam
at GlurGeek.Com

Leave a Reply

© 2022 GlurGeek.Com