เที่ยวเมืองกาญจน์
กาญจนบุรี เมืองแห่งที่อุดมไปด้วยภูเขา น้ำตก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเป็นทริป 3 วัน 2 คืน โดยผมออกเดินทางกรุงเทพ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงตัวเมืองกาญจน์ แต่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจน์นั้น ผมก็ได้แวะทะเลน้ำจืด ที่ท่าล้อ
ทะเลน้ำจืดท่าล้อนี้ ที่จริงแล้วเป็นส่วนโค้งของแม่น้ำแคว โดยมีการนำทรายมาถมลักษณะคล้ายชายทะเล ให้เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวบ้าน และยังมีเตียงผ้าใบ สามารถสั่งอาหารมารับประทานได้ลักษณะคล้ายบางแสน อีกทั้งยังมีเป็นเรือพาย เรือถีบ และห่วงยางให้เช่าสำหรับว่ายน้ำเล่นอีกด้วย หากใครต้องการเล่นบานาน่าโบ๊ท ที่นี่เค้าก็มีให้เล่นด้วย
จากนั้นผมก็เดินทางต่อสู่อำเภอทองผาภูมิใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ผ่านอำเภอไทรโยคไป จากที่เดินทางมาเหนื่อยๆ ผมก็ขอพักแช่น้ำร้อนที่พุน้ำร้อนหินดาด โดยพุน้ำร้อนนี้ค้นพบตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทหารญี่ปุ่น ที่นี่มีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ปวดเมื่อยตัว นิยมมาแช่น้ำร้อน เนื่องจากสามารถช่วยลดอาการเปื่อยเมื่อยได้เป็นอย่างดี พุน้ำร้อนมีทั้งบ่อรวมและบ่อแยกส่วนตัว อีกทั้งยังมีบ่อสำหรับพระสงฆ์อีกด้วย ที่แตกต่างจากที่อื่นคือ ที่นี่มีลำธารน้ำซึ่งมาจากน้ำตกผาตาด เป็นน้ำเย็นใสสะอาด ไหลผ่านข้างบ่อพุน้ำร้อนเลย ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแช่ร้อนสลับกับเย็น กันอย่างสนุกสนาน
ภาพนี้เป็นภาพของทางเข้านาคาคีรีรีสอร์ท สามารถมองเห็นได้ชัดจากถนน
และภาพด้านล่างนี้ก็เป็นภาพห้องพักของนาคาคีรีรีสอร์ท เป็นห้องริมสระน้ำ ราคา 2500 บาท ห้องพักที่นี่สะอาด ห้องกว้างอยู่สบาย และภายในห้องพักยังมีอ่างอาบน้ำไว้ให้แช่เพื่อผ่อนคลายอีกด้วย ที่นี่เค้าพรีเซ้นท์ว่า น้ำที่นี่เป็นน้ำแร่ที่มาจากลำธารข้างๆรีสอร์ท
ตอนเย็นผมมีแพลนที่จะไปรับลมชมพระอาทิตย์ตอนเย็นที่เขื่อนวชิราลงกรณ หรือคนแถวนี้เรียกว่าเขื่อนเขาแหลม ซึ่งห่างจากรีสอร์ทที่ผมพักประมาณ 30 กิโลเมตร ผ่านตลาดทองผาภูมิมา ประมาณ5 กิโลเมตร ทางเข้าเขื่อนนี้ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ทหารและแจ้งว่าจะไปสันเขื่อน สันเขื่อนวชิราลงกรณนี้สามารถน้ำรถขับขึ้นสันเขื่อนได้ในฤดูแล้งหรือน้ำในเขื่อนมีน้อย แต่หากเป็นฤดูฝน หรือน้ำในเขื่อนมากจะต้องน้ำรถไปจอดในลานจอดรถกลางซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ แล้วต้องเดินเท้าขึ้นได้ ระยะทางค่อนข้างไกล กว่าจะถึงสันเขื่อนเหนื่อยเลยทีเดียว
เมื่อชมทัศนียภาพสวยงามเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางกลับรีสอร์ทผมแวะรับประทานอาหารที่ร้านครัวแปดริ้ว ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีชื่อในอำเภอทองผาภูมิ สังเกตุได้จากคนเยอะมากรถจอดเต็มร้านเลย ร้านอยู่ก่อนเข้าตลาดทองผาภูมิ อาหารที่นี่อร่อยมาก ผมสั่งยำสามกรอบ ต้มยำ และผัดลูกชิ้นปลากราย ที่นี่ลูกชิ้นปลากรายเป็นของขึ้นชื่อเลยที่เดียว มาถึงถิ่นก็ต้องสั่งซักหน่อยครับ สำหรับราคาอาหารก็ไม่แพงครับถือว่าคุ้มราคา
หมดวันที่หนึ่งโปรแกรมอัดแน่นมาก ส่วนวันที่สองผมก็มีแพลนจะขึ้นอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิและอิต่องครับ
วันที่สองนี้ หลังจากเรารับประทานอาหารเช้าของทางรีสอร์ทแล้วผมก็เก็บของเตรียมเดินทางขึ้นอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเลยครับ ทางขึ้นค่อนข้างชัน ผมแนะนำให้ผู้ที่ขับรถแข็งเป็นผู้ขับ และควรเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนการเดินทาง อีกอย่างนึงครับน้ำมันเติมให้เต็มถึงก่อนขึ้นนะครับ ปั้มสุดท้ายก่อนขึ้นอุทยานอยู่ก่อนถึงตลาดทองผาภูมิครับ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมวิวที่สวยงามของเทือกเขาที่ติดเขตชายแดนพม่า ที่นี่ยังเปิดให้ได้เข้าพัก เพื่อได้สัมผัสกับธรรมชาติได้อีกด้วย มีทั้งบ้านพัก บ้านทาร์ซาน(เป็นบ้านบนต้นไม้) และเต้นท์อยู่บริเวณเนินกุดดอย ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม ถ้ามองจากจุดชมวิวนี้จะเห็นหมอกซึ่งมีตลอดทั้งวัน
(ในภาพพึสาวนะครับ)
จากนั้นผมก็เดินทางต่อสู่อิต่อง-ปิล็อก ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา เป็นที่อาศัยของชาวเขา ชาวกระเหรี่ยง หมู่บ้านนี้อยู่ริมชายแดนไทย-พม่า เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนพื้นบ้านของชาวเขา เมื่อจอดรถแล้ว จะเห็นบ่อน้ำอยู่กลางหมู่บ้าน บ่อน้ำนี้ชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภคจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เดินข้ามสะพานเล็กๆมา มีตลาดสดที่ขายของพื้นเมือง ของใช้เล็กๆน้อยๆ ของป่า เมื่อเดินมากลางตลาดเลี้ยวซ้ายจะเป็นโซนร้านอาหาร ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาบ่อยครั้ง เพื่อรับประทานอาหาร อาหารขึ้นชื่อที่นี่ คือ ปูพม่า เนื่องจากหมู่บ้านนี้เมื่อลงเขาไปฝั่งพม่าจะติดทะเลอันดามัน และจะมีชาวเขานำปูขึ้นมาขายฝั่งไทยทุกวัน ปูพม่าขึ้นชื่อเรื่องความหวาน ปูตัวใหญ่ และเนื้อแน่นมาก
บรรยากาศโดยรวมที่นี่เหมือนไปปายครับ ยังค่อนข้างธรรมชาติอยู่มาก นักท่องเที่ยวมีวนเวียนมาไม่ขาด แต่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดังเดิมไว้มากเลยครับ อากาศที่นี่เย็นๆ ตลอดปีครับ แต่มาในช่วงหน้าหนาวนี่แข็งเลยครับ
คืนที่สองนี่ผมเลือกกลับลงมานอนที่อำเภอทองผาภูมิครับ ที่ภูไพรธารน้ำรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่สบายๆ ไม่ได้ตกแต่งห้องพักมากนัก แต่สะอาดมาก พนักงานเป็นกันเอง ผมเคยมาพักที่นี่ 4-5 ครั้งแล้ว พิ้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนมากกว่าจะเป็นบ้านพัก มีสวนหินธรรมชาติ น้ำตกจำลองในรีสอร์ท แต่ทีเด็ดที่นี่คือ วิวแม่น้ำแควน้อยที่สวยมากครับ เป็นเกาะแก่ง น้ำบริเวณนี้เขียวมาก ตื่นมาตอนเช้าประมาณ 6 โมงเช้ามีหมอกลอยต่ำใกล้ผิวน้ำ สวยมากครับประทับใจผมมากเลย ผมจึงเลือกพักบ้านพักริมน้ำ จะได้เห็นวิวได้ชัดเจนครับ
วันที่สามระหว่างทางกลับลงจากเขาสามชั้นจะเห็นร้านครัวผักหวานอยู่ทางด้านซ้ายมือ อาหารที่นี่อร่อยมากครับ ชื่อร้าน ครัวผักหวาน ทีเด็ดคือ เมนูผักหวานต่างๆ จากนั้นผมมาทางด้านอำเภอศรีสวัสดิ์แวะน้ำตกเอราวัณ ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 7 ชั้น ซึ่งต้องเดินเท้าขึ้นไป เป็นเนินสลับกับบันได น้ำตกที่นี่เป็นน้ำสีเขียวมรกต เนื่องจากเป็นหินปูนที่มีการตกตะกอน ที่นี่มีน้ำตลอดทั้งปี ในชั้นที่2 มีปลาพรวน หรือปลาน้ำตก จำนวนมาก หลังจากเล่นน้ำกับอย่างสนุกสนาน ก็เดินทางกลับกรุงเทพกันครับ